DataRockie

Bill Gates ให้สัมภาษณ์กับ Times ในปี 2016 ว่าเค้าอ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม เฉลี่ยเดือนละ 4 เล่ม หรือสัปดาห์ละหนึ่งเล่มเป็นอย่างน้อย เค้าทำได้ยังไง?

ความจริงเรื่องนี้ทำง่ายนิดเดียว แอดเพิ่งรู้เมื่อคืนเหมือนกันหลังจากดูวีดีโอนี้ (รู้งี้ทำนานแล้ววว 555+)

และผู้ชายในวีดีโอชื่อว่า Jim Kwik – โค้ชการเรียนรู้ สมอง และความจำระดับโลก

Who is Jim Kwik

“ถ้าความรู้คือพลัง การเรียนรู้คือ superpower ของคุณ” เป็นประโยคที่ Jim พูดอยู่เสมอ

Jim เคยมีปัญหาด้านสมอง เรียนรู้ช้าตอนสมัยเด็ก จนเค้าศึกษาและค้นพบวิธีฝึกใช้สมองให้กลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง (จริงๆสมองเค้าพลิกกลับมาดีขึ้นกว่าเดิมมาก เกินมนุษย์ธรรมดาไปเลย)

“โรงเรียนสอนว่าเด็กต้องเรียนอะไร แต่ไม่เคยสอนว่าต้องเรียนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ”

ซึ่งจริงๆเทคนิค superbrain ของเค้ามันฟังดูเรียบง่ายมาก ตัวอย่างเช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะ brain diet เช่น ปลาแซลมอน ถั่ววอลนัท อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว บร๊อคโคลี่ พยายามไม่เครียด และอยู่กับคนที่มีทัศนคติดี เป็นต้น

ครั้งหนึ่ง Jim ได้มีโอกาสไปสอนทีมนักแสดง X-Men โดยเจ้าของสตูดิโออยากให้จิมสอนเรื่อง memory เพื่อให้นักแสดงจำบทได้ยาวขึ้นตอนถ่ายทำหนัง และผลลัพธ์แม่งโคตร work! “ตอนเด็กๆผมฝันว่าอยากจะเป็นเหมือนพวกเค้า (X-Men) มาตลอด” – Jim

Reading Strategy

สิ่งแรกที่ทุกคนต้องรู้คือสมองของเราไม่ fixed แปลว่ามันสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา แม้แต่ตอนเรานอนสมองก็ยังทำงาน consolidate ความรู้และประสบการณ์ที่เราเจอมาในวันนั้นๆ ตื่นเช้ามาเหมือนได้สมองใหม่ (อัพเดท firmware ไรงี้)

ถ้าหากความสามารถของสมองไม่ fixed ทักษะการอ่านของเราก็ไม่ fixed เช่นกัน เราสามารถพัฒนาทักษะการอ่านให้ดีขึ้นเรื่อยๆแค่เราหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

การอ่านหนังสือให้ได้สัปดาห์ละเล่ม เริ่มจากการมีกลยุทธ์ที่ดี และ step #1 คือการเข้าใจตัวเลข!

• หนังสือภาษาอังกฤษโดยเฉลี่ย เล่มหนึ่งมีอยู่ประมาณ 64,000 words
• คนทั่วไปอ่านหนังสือได้ประมาณ 200 words ต่อนาที บางคนอาจจะได้เยอะ หรือน้อยกว่านั้น ตัวแอดน่าจะได้ประมาณ 150 words เอง

ถ้าเราใช้ตัวเลข 200 words ต่อนาที แปลว่าเราจะใช้เวลาอ่านทั้งหมด 64,000 / 200 = 320 นาทีต่อเล่ม และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 320 / 7 = 45 นาทีต่อวันในการอ่านหนังสือหนึ่งเล่มให้จบในหนึ่งสัปดาห์

แค่ 45 นาทีต่อวัน !! มันน้อยกว่าที่เราคิดตอนแรกเยอะเลย แต่นี่คือความจริง

The Hardest Part

ความยากอยู่ที่ step #2 นั่นคือการตั้ง schedule การอ่านของเรา ทำยังไงให้เราอ่านได้ 45 นาทีต่อวันเป็นอย่างน้อย? คำตอบสั้นๆคือต้องมีวินัย และ motivation ในการอ่านที่แรงกล้า !! 555+ เช่น อยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นกว่านี้ อยากจะหางานใหม่ที่ได้เงินเยอะกว่านี้ อยากจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข

นักเรียนของ Jim คนนึงเคยอ่านหนังสือได้ 40-50 เล่มภายในเวลาแค่สามเดือน เพราะเค้าต้องการความรู้ (หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาโรคมะเร็ง) ไปช่วยคุณแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ และสุดท้ายแม่เค้าก็หายได้จริงๆด้วยคำแนะนำของเค้า

Jim แนะนำว่าเราไม่ควรอ่านหนังสือตอนกลางคืนแบบก่อนนอนงี้ เพราะว่าเราจะหลับก่อน!! 555+ แอดเป็นประจำเลยอ่านบนเตียง ไม่กี่หน้าก็ง่วงแล้ว ส่วนตัวชอบอ่านหนังสือตอนเช้ามากกว่า ตอนเรากำลัง fresh & awake!

Mindset

“การอ่านหนังสือเป็นเรื่องของ self-love และ self-care ไม่ใช่ selfish”

ถ้าอยากจะเป็น life-long learner ลองจัดเวลาให้กับตัวเอง 45 นาทีต่อวัน อ่านหนังสือที่มีประโยชน์กับชีวิตของเรา “ถ้าผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน” – Jim

ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น to do list / planner มาช่วยเตือนให้เราอ่านหนังสือก็ได้ ช่วงแรกอาจต้องมีตัวช่วยหน่อย ก่อนที่เราจะสร้างพฤติกรรมการอ่านที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ฝึกอย่างน้อย 21-30 วัน